Work Life Balance เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยคุ้นหูคุ้นตากับคำ ๆ นี้มาแล้วเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นคนทำงานออฟฟิศ แต่ทั้งนี้ ความสมดุลในการใช้ชีวิตและการทำงานนั้นสามารถปรับใช้ได้กับทุก ๆ สาขาอาชีพ เพราะหลาย ๆ คนอาจทุ่มเทเวลาชีวิตให้กับการทำงานมากจนเกินไปจนหลงลืมการดูแลสุขภาพร่างกาย และความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว
Work Life Balance คืออะไร?
Work Life Balance คือ ความสมดุลในชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว เป็นการจัดสรรปันส่วนเวลาการทำงานโดยไม่ให้หน้าที่การงานเบียดเบียนการใช้ชีวิตที่บ้าน เป็นการสร้างสมดุลที่มีความเหมาะสมโดยไม่ให้ชีวิตการทำงานขัดแย้งกันกับการใช้ชีวิตส่วนตัว
ในสมัยก่อนผู้คนมักให้ความสำคัญกับการทำงานมากจนเกินไป ทำให้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตส่วนตัว และยังส่งผลกระทบกับทั้งสุขภาพร่างกายและความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง รวมไปถึงคนรักและครอบครัว การสร้าง Work Life Balance คือการสร้างสมดุลชีวิตที่ดีที่แบ่งแยกการใช้ชีวิตทั้งสองส่วนนี้ออกจากกัน อีกทั้งยังเป็นการหลีกเลี่ยงและป้องกันการเกิดภาวะหมดไฟ ซึ่งจะยิ่งไปส่งผลกระทบกับหน้าที่การงานและการใช้ชีวิตอีกด้วย
Work Life Balance สำคัญอย่างไร?
เหมือนกับแง่มุมอื่น ๆ ในการใช้ชีวิต Work Life Balance ควรมีสัดส่วนที่เหมาะสม เพราะคนเรานั้นต้องการความหลากหลายในการใช้เวลาสำหรับการดำเนินชีวิต หลาย ๆ คนมักจะตกหลุมพรางของความเชื่อที่ว่า เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา แต่นั่นถือเป็นความเชื่อที่ผิดอย่างร้ายแรง เพราะในความเป็นจริงแล้ว พลังงานในการใช้ชีวิตและการทำงานของเรามีอยู่อย่างจำกัด อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่ออกมายืนยันว่าการทำงานเกินจำนวนชั่วโมงที่กำหนด ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าผลลัพธ์งานที่ได้จะดีขึ้นกว่าเดิม หรือได้เนื้องานเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ การทำงานโดยไม่มีการหยุดพักยังอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการเหนื่อยล้า เกิดความเครียด และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้ ดังนั้น Work Life Balance จึงเป็นการสร้างสัดส่วนการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ และช่วยให้การดำเนินชีวิตและการทำกิจกรรมอื่น ๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นและสมดุล
5 วิธีสร้าง Work Life Balance ความสมดุลในชีวิตการทำงาน
การทำงานอย่างหนักอาจได้รับความชื่นชมจากหัวหน้างาน แต่การสร้าง Work Life Balance จะช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับชีวิตส่วนตัวและชีวิตทำงาน และสำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาการสร้างสมดุลของการทำงาน เรามาดูวิธีการสร้าง Work Life Balance เพื่อให้การใช้ชีวิตราบรื่นขึ้นกันดีกว่า
1. กำหนดเวลาทำงานอย่างชัดเจน
ไม่ว่ารูปแบบงานจะเป็นการทำงานในออฟฟิศ หรือการทำงานแบบ Work from Home จากที่บ้าน ทุกคนควรกำหนดเวลาการทำงานอย่างชัดเจนเพื่อเป็นการบังคับตัวเองให้ทำงานอย่างเต็มที่ในชั่วโมงการทำงาน แต่เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ก็ควรเลิกงานอย่างตรงเวลา ไม่โอ้เอ้ ไม่ต้องกังวลว่างานที่ทำนั้นจะยังไม่เสร็จดี การกำหนดเวลาทำงานอย่างชัดเจนจะเป็นการกำหนดขอบเขตเวลางานไม่ให้เบียดเบียนเวลาส่วนตัวหรือเวลาพักผ่อน
เคล็ดลับในการกำหนดเวลาทำงานอย่างชัดเจนตามแบบฉบับ Work Life Balance คือ ต้องแน่ใจว่าเจ้านาย รวมไปถึงลูกค้าหรือเพื่อนร่วมทีมได้รับทราบในกฎข้อนี้ที่คุณตั้งขึ้นมาให้กับตัวเองด้วย วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีโอกาสน้อยที่จะได้รับอีเมลหรือได้รับการแจกจ่ายงานนอกเวลางาน
2. สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม
การทำงานอย่างเต็มที่และได้ผลลัพธ์งานที่มีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งมาจากการจัดสรรสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสม ทั้งในเรื่องของแสงสว่างที่เพียงพอ รวมไปถึงสถานที่ทำงานที่เงียบสงบที่สามารถช่วยให้คุณโฟกัสกับเนื้องานได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การมีพื้นที่ทำงานที่สะอาด ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน หรือพื้นที่จัดเก็บงานต่าง ๆ บนคอมพิวเตอร์ ก็จะช่วยให้การทำงานลื่นไหล และช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้นโดยที่ไม่ต้องทำงานล่วงเวลา
3. วางแผนกิจกรรมนอกเวลางาน
เพื่อเป็นการบังคับตัวเองไม่ให้ทำงานล่วงเวลา เคล็ดลับ Work Life Balance คือ การวางแผนกิจกรรมต่าง ๆ นอกเวลางาน และพยายามทำตามแผนที่วางไว้ถึงแม้ว่าตารางงานจะแน่นขนาดไหนก็ตาม วิธีนี้เป็นทางออกที่ดีที่จะช่วยให้คุณได้ทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ชอบ และถือเป็นการได้ปลดปล่อยตัวเอง ได้ผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงาน โดยกิจกรรมนอกเวลางานเป็นได้ทั้งการนัดชวนเพื่อนไปเที่ยว ไปกินข้าวนอกบ้านกับครอบครัว สมัครเรียนหรือทำกิจกรรมที่อยากทำมานานแต่ยังไม่เคยได้ลงมือทำสักที หรือแม้แต่การทำงานอดิเรกต่าง ๆ ที่ตัวเองชอบ เป็นต้น
4. จัดสรรเวลาพักผ่อน
การจัดสรรเวลาพักผ่อนถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะการทำงานหรือการใช้ชีวิตในการทำกิจกรรมอื่น ๆ ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ
การพักผ่อนที่มีประสิทธิภาพ คือ การนอนหลับอย่างเพียงพอ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ระบุว่า การนอนหลับอย่างเพียงพอนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 7-9 ชั่วโมง และเคล็ดลับสำหรับการนอนหลับอย่างมีสุขภาพดี สามารถทำได้ดังนี้
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนหลับ แต่ตั้งเวลาการนอนและการตื่นนอนให้ตรงเวลา
- หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้นอนไม่หลับ เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรือของหวานก่อนนอน
- การออกกำลังกายในช่วงเย็นจะช่วยให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น
- ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการนอน
5. ดูแลสุขภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
การไม่มีโรค คือลาภอันประเสริฐ สำนวนนี้ถือว่าเป็นหลักการพื้นฐานในทุก ๆ ชีวิต เพราะหากร่างกายไม่แข็งแรง ก็จะไม่สามารถทำงานได้เต็มที่และหวังผลลัพธ์งานที่มีประสิทธิภาพได้ ดังนั้น การดูแลสุขภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณพร้อมลุยงานได้อย่างเต็มที่ ได้งานที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีแรงเหลือ ๆ ในการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบนอกเวลางานอีกด้วย
สรุป Work Life Balance กับชีวิตการงานที่สมดุล
ถึงแม้ว่างานจะยุ่ง หรือตารางประชุมจะแน่นแค่ไหน แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของตัวเองให้แข็งแรง การโหมงานหนักเกินไปนอกจากจะไม่เกิดผลดีต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตแล้ว ยังส่งผลให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่อีกด้วย ดังนั้น การจัดสรรเวลาในชีวิตจะช่วยให้เกิดความสมดุลทั้งในชีวิตการงาน ชีวิตครอบครัว และชีวิตส่วนตัวของคุณเอง
References: wix , betterup , nksleepcenter